แล้วสภาวะทั้งสามดังที่กล่าวมา ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาจากข้างนอก เพราะทุกสิ่งล้วนอยู่ในตัวเราทุกคน เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ “สภาวธรรม” นี้ เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็น “สภาวธรรม” นี้ เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่รักษา “สภาวธรรม” นี้ เราถูกทำให้เชื่อว่า เรื่องธรรมะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ เป็นเรื่องของพระ ของคนแก่ ทั้งที่จริงแล้ว ธรรมะไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ มองในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ตัดในเรื่องของปาฏิหาริย์ออกไป พระพุทธเจ้าก็เป็นชายคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ด้วยการค้นพบ “ความรู้ดั้งเดิม” ที่มีอยู่ในจิตตน จากนั้นก็แบ่งปันความรู้และแนวทางการปฏิบัติให้กับผู้คนรุ่นหลัง เราเองก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับท่านได้ ถ้าเรียนรู้ถึง “สิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้” เราเองก็ “ตรัสรู้” ได้ หากเรารู้ในสิ่งเดียวกับที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ และเราก็เข้าสู่ “นิพพาน” ได้ หากเราปล่อยวางตัวตนได้เหมือนเช่นที่พระพุทธเจ้าทำ อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องเศร้าเสียก่อน แล้วจึงนึกถึงธรรมะ อย่าปล่อยให้แก่เฒ่าก่อน แล้วจึงอยากมาเรียนรู้ธรรมะ ธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องของ “ปัญญา” ไม่ใช่ “ความงมงาย” เป็นเรื่องของ “เหตุผล” ไม่ใช่ “เรื่องปาฏิหาริย์” เป็นเรื่องของการ “ปล่อยวาง” ไม่ใช่การ “ยึดติด” เป็นเรื่องของ “ชีวิต” ไม่ใช่เรื่องของ “คนใกล้ตาย” ธรรมะไม่ใช่เรื่องของ “ศาสดา” ไม่ใช่เรื่องของ “ศาสนา” หากแต่เป็นเรื่องของ “ธรรมชาติ” “ธรรมชาติ” ที่มีอยู่แล้วในทุกอณูตัวตนของทุกสรรพสิ่ง